Wednesday, May 30, 2012

คำถามโลกแตก LCD TV หรือ Plasma TV ต่างกันอย่างไร อะไรดีกว่ากัน ??

คำถามโลกแตก LCD TV หรือ Plasma TV ต่างกันอย่างไร อะไรดีกว่ากัน ??

จัดได้ว่าเป็นคำถามยอดฮิตที่สุดในสามโลกสำหรับจะเลือกซื้อทีวีเครื่องใหม่ซักเครื่องครับสำหรับการเปรียบเทียบระหว่าง LCD TV และ Plasma TV ว่าทีวีชนิดไหนดีกว่ากัน ? ก่อนจะให้คำตอบนั้นก็คงต้องไปดูหลักการทำงานและข้อดีข้อเสียของทีวีทั้ง 2 ชนิดนี้ก่อนครับ 
alt
LCD TV VS Plasma TV

LCD (Liquid Crystal Display) แสดงภาพโดยเริ่มจากแหล่งกำเนิดแสง "Backlight" (ในที่นี้คือหลอด CCFL และหลอด LED) ส่องแสงไปที่ผลึกแข็งกึ่งเหลว ลักษณะคล้ายๆปีโป้ และเจ้าผลึกแข็งกึ่งเหลว Liquid Crystal จะถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ในส่วนที่เป็น "ประตู" นั้น "บิดหมุน" เพื่อให้แสงจากหลอด Backlight ลอดผ่านไปยัง Color Filter แม่สีทั้ง 3 สี RGB ผสมกันออกมาแสงสีต่างๆ 

alt
รูปหลอดไฟ CCFL Backlight ที่เป็นตัวกำเนิดแสงของ LCD TV 

LCD TV นั้น แต่ละพิกเซลไม่สามารถกำเนิดแสงได้เอง จำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งกำเนิดแสงจากหลอด Backlight และมี "ประตู" Liquid Crystal ผลึกแข็งกึ่งเหลวเป็นตัวกำหนดว่าจะให้แสงลอดไปยังแม่สีใดบ้าง เพื่อแสดงสีสันต่างๆออกมาให้เราได้เห็นกันครับ เช่นหากฉากในทีวีตอนนั้นเป็นสนามบอลเขียวชอุ่ม เจ้าตัว Liquid Crystal ที่ทำหน้าที่เป็น "ประตู" หน้าด่าน ก็จะเปิดในส่วนที่ให้แสงลอดออกไปเจอ Color Filter สีเขียวเท่านั้น หรือหากฉากเป็นท้องผ้าสีนำเงิน เจ้าประตู Liquid Crystal ก็จะถูกเปิดในส่วนที่ให้แสงลอดออกไปเจอ Color Filter สีน้ำเงินเท่านั้นครับ

alt
ดูจากรูปจะเข้าใจว่าประตู Liquid Crystal เปิด/ผิด/บิดตัว ให้แสงลอดออกมาผ่าน Color Filter 
ออกมาเป็นแสงสีต่างๆ ในตัวอย่างลอดออกมาเป็นสีแดงนะครับ

สรุปขั้นตอนการแสดงภาพของ LCD TV
1. หลอดไฟ Backlight ส่องสว่าง 
2. ประตู Liquid Crystal เปิด/ปิด/บิดตัวให้แสงจากหลอดไฟ Backlight ลอดผ่าน 
3. แสงลอดผ่าน Color Filter ที่เป็นแม่สี RGB แสดงออกมาเป็นสีต่างๆ

คำถามวัดความเข้าใจ ???
ถ้าทีวีจะแสดง "สีขาว" ประตู Liquid Cyrstal จะต้องเปิดให้แสงจากหลอด Backlight ลอดผ่าน Color Filter สีอะไรบ้าง ???
ตอบ ก็ต้องลอดผ่านทั้ง 3 สี เลย คือ แดง น้ำเงิน เขียว จะผสมรวมกันได้เป็น "สีขาว" ครับ ให้นึกถึงโลโก้ช่อง 7 สีเอาไว้


alt
โลโก้ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ บอกถึงการผสมสีหลักอย่าง RGB = Red, Green, Blue
ออกมาเป็นแม่สีรองอย่าง CMY = Cyan Magenta Yellow
หาก RGB ผสมรวมกันทั้ง 3 สี จะได้ "สีขาว" นะครับ 
 

LCD TV ทีวีจะมีหลายขนาดมากๆ ไล่ตั้งแต่ 15 นิ้ว ไปจนถึง 108 นิ้ว (ของSharp เค้านะครับ) โน้นเลยนะครับ

ข้อดีของ LCD TV1. ให้แสงสี่ที่สว่างสดใสกว่า  
2. เหมาะสมกับการนำไปเป็น Monitor ของคอมพิวเตอร์แลต่อกับเครื่องเล่นเกมส์มากกว่าด้วยความละเอียดจอภาพที่มากกว่า
3. เหมาะสำหรับใช้ในห้องที่สว่างสูง เช่นห้องนั่งเล่นหรือ ห้องรับแขกที่ไม่จำเป็นต้องคุมแสงได้ หรือท่านที่จะซื้อเพื่อใช้ไปติดตั้งในร้านค้าหรือร้านอาหาร  LCD TV ก็จะเหมาะสมกว่า
4. อาการ Burn-In หรือภาพไหม้ค้างติดหน่าจอจะไม่โอกาสไม่เกิดขึ้นเลย
5. แอลซีดีทีวียังกินไฟน้อยกว่า และหน้าจอร้อนน้อยกว่าด้วย
6. สามารถทำจอ LCD ขนาดเล็กๆอาทิเช่นจอมือถือ ไปจนถึงจอขนาดยักษ์ใหญ่ๆ 100 กว่านิ้วก็ยังได้

ข้อเสียของ LCD TV1. ยังมี Backlight รั่วอยู่ให้เห็นในฉากมืด ถึงแม้ประตู Liquid Crystal จะปิดเพื่อแสดงสีดำ แต่ก็ยังมีแสงลอดออกมาได้อยู่ดี สีดำจึงไม่ค่อยดำสนิทเท่าที่ควร
2. ความเร็วในการแสดงภาพเคลื่อนไหวจะไม่ได้ลื่นไหลสุดๆ จะยังมีโกสท์ให้เห็นบ้าง
3. ด้วยระดับความสว่างและสีสันที่สดใสที่มากไป (ส่วนใหญ่โหมดภาพสำเร็จรูปตั้งมาแบนี้) อาจจะทำให้ปวดตาได้ง่ายกว่า 



PLASMA TV จอภาพแบบ Plasma TV เป็นจอทีวีที่สามารถกำเนิดแสงได้เอง กล่าวคือ เพียงแค่ปล่อยแรงดันไฟเข้าไปกระตุ้นเม็ดพิกเซลก็จะส่องสว่างได้เอง โดยเม็ดพิกเซลของ Plasma TV นั้นจะมี ก๊าซ Neon และ Xenon บรรจุอยู่ข้างในก็จะแตกตัวเป็น UV ซึ่งเมื่อเจ้า UV ไปกระทบกับสาร Phospor ซึ่งเป็นสารเรื่องแสงที่เคลือบไว้ ก็จะก่อนให้แสงสีต่างๆออกมา

สรุปง่ายๆหลักการทำงานของ Plasma TV คือหากต้องการให้เม็ดสีไหนส่องสว่าง ก็แค่ปล่อยแรงดันไฟฟ้าเข้าไปครับ เม็ดพิกเซลก็จะส่องสว่างขึ้นมาเองรวดเร็วทันใจมากมาย เพราะว่า "ก๊าซ" มันไวกว่าพวก "ของแข็งของเหลว" เหมือนที่เราเคยเรียนมาตอนเด็กๆนั่นแหละครับ
alt
เมื่อก๊าซ Neon และ Xenon ถุกแรงดันไฟฟ้าระตุ้นก็จะแตกตัวเป็น UV โดยเมื่อ UV 
ไปกระทบ Phospor ทีเป็นสารเรืองแสง จึงทำให้เม็ดมิกเซลส่องสว่างออกมา

 
ข้อดีของ Plasma TV1. สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ลื่นไหลกว่า เพราะเม็ดพิกเซลสามารถกำเนิดแสงเองได้ เหมาะกับพวกหนัง Action และกีฬามาก
2. สามารถแสดงสีดำให้ดำสนิทและลึกมีมิติกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่อง Backlight รั่ว
3. มีคอนทราสต์ที่สูงกว่าทำให้เห็นมิติของภาพได้ดีกว่า
4. มุมมองจอภาพที่กว้างกว่า LCD TV มองด้านข้างสีไม่ซีดจาง
5. ให้สีสันที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ได้สดจนโอเวอรืเกินจริง
6. ระดับความสว่างของภาพและโทนสีเป็นมิตรต่อสายตามากกว่า ดูนานๆโอกาสปวดตาน้อยกว่า

ข้อเสียของ Plasma TV1. อาการ Burn-In มีโอกาสเกิดขึ้นได้ถ้าเปิดภาพนิ่งเป็นเวลานานๆ เช่นโลโก้ช่อง 7 หรือโลโก้ True Vision เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการนำไปเป็น Monitor ของคอมพิวเตอร์ ศึกษาเรื่อง Burn In เพิ่มเติม >> คลิ๊กเลย <<
2. ไม่เหมาะสำหรับใช้ในห้องที่คุมแสงไม่ได้เช่นห้องที่มีความสว่างจากหลอดไฟสูงๆ หรือกลางแจ้ง
3. หน้ากระจก ทำให้เกิดการสะท้อนเป็นเงาได้
4. กินไฟมากกว่า และหน้าจอร้อนมากกว่า

แล้วสรุปเลือกตัวไหนดีกว่ากันระหว่าง LCD TV VS Plasma TV ?

LCD หรือ LED TV และ Plasma TV มันไม่มีอย่างไหนดีกว่ากัน เพราะมันดีกันคนละแบบครับ !!! 
โดยแต่ละตัวก็มีข้อดี+ข้อด้อยแตกต่างกันออกไป  ดังนี้เราจึงต้องศึกษาอ่านรีวิว+บทความ และไปทดลองรับชมภาพจริงๆทีเพื่อเลือกทีวีที่ "เหมาะสม" กับ "ห้องของเรา" และ "ไลฟ์สไตล์ของเรา" มากที่สุดครับ 
alt
จะซื้อทีวี ต้องเข้าใจคำว่า "Matching"
 

การเลือกซื้อทีวีคือ "ศาสตร์" ที่เรียกว่าการ "Matching" ครับ หากคนเล่นเครื่องเสียงจะเข้าใจความหมายนี้ดี

เลือกโดยปัจจัยหลักเหล่านี้
1. ยี่ห้อ :: ความชื่นชอบ / ชื่อเสียง / แนวภาพ
2. ขนาดของจอ :: ใกล้ๆ = จอเล็ก / ไกลๆ = จอใหญ่ เป็นต้น
3. ประเภทของจอ :: LED TV / LCD TV / Plasma TV

ให้เหมาะสมกับ
1. ห้องที่เราจะเอาไปตั้ง :: ห้องนอน / คอนโด / ห้องนั่งเล่น / ห้องโฮมเธียเตอร์ / คุมแสงได้ดีหรือไม่ ?
2. ไลฟ์สไตล์ของเรา 
3. งบประมาณ
alt
Macthing = การเลือกทีวีให้เหมาะสมกับตัวคุณและห้องของคุณ
 

และไม่จำเป็นต้องเลือกทีวีตัวที่ดีที่สุดเสมอไป และอย่างที่บอกไลฟ์สไตล์ของคนเราไม่เหมือนกัน ฉะนั้นการที่จะไป "ตัดสิน" ว่า LCD TV หรือ Plasma TV ตัวไหนดีกว่ากัน ? มันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดของคำถามนี้บนโลกใบนี้ !!! แต่กลับกันหากเรายึดหลัก "Matching" ทีวีให้เหมาะสมกับเรามากที่สุดทั้งเรื่องของ ห้องที่จะวาง / ไลฟ์สไตล์ / งบประมาณ ทีวีเครื่องนั้นก็จะสามารถสร้างความสุขให้กับคุณได้อย่างเต็มที่โดยคุณไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องอื่นๆอีกเลย  

ตัวอย่างการ Matching LCD TV หรือ Plasma TV ให้เหมาะสมกับผู้ใช้1. LCD TV มันเหมาะสมกับห้องคุณมากกว่านะ เพราะว่า ตั้งไว้ในห้องรับแขก คุมแสงไม่ค่อยได้ ดูหนังไฮเดฟกับเล่นเกมส์บ่อย ต่อคอมบางครั้งบางคราว LCD TV น่าจะเหมาะกว่านะ

2. ห้องคุมแสงได้ดีระดับนึง ชอบภาพนวลสบายตา ดูหนังไฮเดฟและฟรีทีวีบ่อยมาก ขอไม่แพงนักแต่ได้จอใหญ่ๆสะใจ ==> ก็แนะนำ Plasma TV

3. เพิ่งเปิดโรงแรม ต้องการทีวีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ทนทาน+ทนไม้ทนมือแขกมือบอนที่ชอบเปิดทิ้งไว้นานๆ ไม่ร้อนง่าย เอาราคาถูกๆด้วย ==> ก็ LCD TV 32" ไปเลยครับเพ่

4. ชอบภาพแนวโรงหนัง ขอภาพเคลื่อนไหวลื่นๆเป็นธรรมชาติหน่อย แต่ห้องคุมแสงได้ระดับนึงแต่ไม่ถึงกับดีมาก มีม่านบังตาบ้าง ==> ก็แนะนำ Full HD Plasma TV รุ่นท็อปๆที่จอกันสะท้อนได้ดี

5. ชอบภาพสีสดใส แต่ขอจอบางๆหน่อยนะ เพราะอยู่คอนโดต้องแขวนผนัง แบบว่ามีพื้นที่จำกัด และรวมถึงชอบดีไซน์บางเฉียบล้ำๆด้วย ดู Blu-ray และ DVD บ่อยๆ ดูฟรีทีวีจากจานแดงบ้าง (ติดกันทั้งคอนโด) ระยะห่างประมาณ 2 เมตร ==> แนะนำจอ LCD TV ที่ใช้หลอดไฟ Backlight แบบ LED ขนาดจอ 40" ไปเลยครับท่าน 

หมายเหตุ :: 5 ข้อข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างจากประสบการณ์ของผมและทีมงานเท่านั้น ส่วนการ "Matching" เลือกซื้อทีวีให้เหมาะสมกันตัวท่านนั้น นอกจากศึกษาในเว็บแล้ว สิ่งที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือควรจะต้องไปดูตัวจริง ภาพจริง ดีไซน์จริงๆ ที่ห้างร้านด้วยครับ  จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

รวมถึงเรื่องไลฟ์สไตล์ด้วยครับ เป็นสิ่งที่เป็นปัจจัยแรกๆในการตัดสินใจซื้อของหลายคนมากกว่าคุณภาพของภาพด้วยซ้ำ อาทิเช่น ดีไซน์ความบาง สีของตัวเครื่อง ความชื่นชอบจงรักภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งจะยิ่งเป็นเหตุผลส่งเสริมให้คุณหาทีวีตัวที่ "เหมาะสม" กับคุณได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกระดับ

ผมยกอีกหนึ่งตัวอย่างคำถามโลกแตกเลยนะครับ

iPhone หรือ Blackberry อันไหนดีกว่ากัน ?
หากเป็นพวกหัวรั้น ก็จะตอบสิ่งที่ตัวเองใช้อยู่ เช่น iPhone 4 สิ จอใหญ่กว่า กล้องชัดกว่า มี Apps เยอะแยะเป็นหมื่นเป็นแสนให้โหลดให้เล่น หรือ BB สิ Chat กันทั้งกลุ่มได้นะ แล้วก็หากเหตุผลร้อยแปดมาเถียงกันจนหัวชนฝา
alt
คำถามโลกแตก Blackberry VS iPhone
 

แต่หากมาถามผมว่าผมจะเลือกใช้อะไร ? ผมคงตอบได้เต็มปากว่า "Blackberry" มัน "เหมาะสม" กับผมมากกว่า iPhone ครับ เพราะ Lifestyle ของผมครับ ชอบมือถือที่มีปุ่มกดจริงๆ มันสัมผัสแล้วได้ความรู้สึกกดลงไป งานผมเน้นเช็ค E-Mail ซึ่งมาเยอะมากๆต่อ 1 วัน ระบบ Push mail มันรวดเร็วมาก ตอบสนองผมได้ทันใจ แล้วพิมพ์ E-Mail ตอบกลับได้ง่ายอีกต่างหาก รวมถึงเข้าเว็บไซต์นิดๆหน่อย เช็ค Facebook ขำขันได้ แถมแบตเตอรี่อยู่ทนพอสมควร ผมเป็นพวกขี้เกียจชาร์จมือถือบ่อยๆ

ดังนี้ Blackberry มันเลยตอบโจทย์ผมได้มากกว่า จึงเป็นมือถือที่ "เหมาะสม" กับผมมากกว่า แต่ผมไม่ได้บอกเลยว่ามันดีกว่า iPhone กลับกันผมคิดว่า iPhone โดยรวมแล้ว "ล้ำหน้ากว่า Blackberry" ไปหลายก้าวด้วยซ้ำ (รู้ๆกันอยู่) ลูกเล่นเยอะกว่า Blackberry ของผมมากมาย มี Apps แปลกๆให้โหลดกระจาย จอกว้างใหญ่ ดูไฮโซหรูหราอินเทรนด์สุดๆ แต่ผมพินิจพิเคระาห์แล้วว่า ด้วย Lifestyle ของผมเป็นแบบนี้ Blackberry มันจึงเหมาะกับผมมาก ทุกวันนี้ก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผมได้มากมายและมีความสุขที่ได้มีมันอยู่ในกระเป๋ากางเกงจนมาถึงทุกวันนี้ ดังนี้อย่างที่บอก "จง Matching ให้เหมาะสม" แต่จงอย่าตัดสินว่า "ตัวนั้นดีกว่าตัวนี้" !!!! 


สุดท้ายนี้
นายโรมันหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านให้เลือกทีวีให้เหมาะสมกับตัวของท่านและการใช้งานของท่านได้นะครับ

Thursday, May 10, 2012

Go! Launcher EX for Samsuang Galaxy S2

สนุกกับการเปลี่ยนโฉมหน้าจอแอนดรอย
ด้วย Go! Launcher EX
ปกติแล้วสิ่งที่จะทำให้มือถือแอนดรอยนั้นมีความแตกต่างกันนอกจากสเป็ก หน้าตาเครื่อง และยี่ห้อของเครื่องแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ออกแบบมาให้มือถือแต่ละอันมีความพิเศษเหนือกว่าแอนดรอยเครื่องอื่นๆ นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า Launcher และอาจจะครอบคลุมไปถึงการตกแต่งหน้าตาของเครื่องด้วย สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้แอนดรอยของเรามีความพิเศษแตกต่างกันออกไปตามแต่ละยี่ห้อ ส่วนยี่ห้อไหนไม่มีสิ่งนี้อยู่นั้นแทบจะเหมาได้เลยว่าเป็นเครื่องที่ไม่มีคุณภาพเอาเสียเลย เรามาดูกันว่าแต่ละยี่ห้อมือถือนั้นมีการออกแบบให้ Launcher มีความแตกต่างกันออกไปบ้างดังนี้

รูปภาพ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายยี่ห้อ เช่น Dell Stage, Acer Liquid ฯลฯ
*ชื่อของ Launcher อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามรุ่น เวอร์ชั่น และประเทศที่ใช้เรียกชื่อนั้นๆ ได้

สิ่งที่เราได้มากกว่าการเปลี่ยนแปลงหน้าตาของแอนดรอยก็คือความสามารถในการใช้งาน Widgets ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนั้นๆ ไม่สามารถโอนย้าย ถ่ายโอนไปยังรุ่นอื่นๆ ได้ ถึงแม้ว่าจะมีการดัดแปลงจากทีมนักพัฒนาโปรแกรมแต่ก็แค่เอาไปใช้งานได้ ไม่สามารถเอาไปใช้ได้อย่างเต็มความสามารถแต่อย่างไร ตัวอย่างของ Widgets ที่มีชื่อเสียงคือ LiveContact, LiveProfile, Samsung Memo, Samsung SocialHub, LG Socialize เป็นต้น

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการนำเสนอในบทความนี้ เพราะสิ่งที่เราจะได้จากบทความนี้คือการลืมสิ่งที่ติดมากับเครื่องไปซะ แล้วมาปรับปรุงหน้าจอมือถือให้เป็นแบบฉบับของเราเอง ด้วยการปรับแต่ง Launcher ของเครื่องพร้อมกับลูกเล่นอีกมากมายที่ตามมา แน่นอนว่าการที่มือถือยี่ห้อหนึ่งใส่อะไรมาให้เยอะๆ นอกจากจะทำให้เครื่องช้าลง กินหน่วยความจำเพิ่มขึ้นแล้ว หลายท่านอาจจะไม่ชอบ ไม่ถูกใจ จะเอาออกก็ไม่ได้ วิธีเดียวที่ทำได้คือหาอันอื่นมาใช้แทน เรามาเริ่มต้นใช้งานอีกหนึ่ง Launcher ที่ปรับแต่งได้มากมาย พร้อมกับความสามารถในการปรับปรุงธีมของเครื่องให้ถูกใจด้วย Go Launcher EX กันดีกว่า

Go Launcher Exคืออะไร?
รูปภาพ

รูปภาพ

Go Launcher Ex เป็นแอพที่ใช้งานเป็นหน้าจอหลักของเครื่อง (กดที่เมนูรูปบ้าน) สามารถเอามาใช้แทนที่หน้าจอหลักที่ติดมากับเครื่องได้เลยทันที พร้อมกับลูกเล่นของการปรับแต่งหน้าจอ เปลี่ยนสี ธีม รูปแบบ การหมุนหน้าจอ เพิ่ม Widgets เก๋ๆ เข้าไปในหน้าจอให้สวยงามไม่เหมือนใคร ในเวอร์ชั่นEx เป็นภาคต่อของ Go Launcher ที่ออกมาสักพักหนึ่งแล้วพัฒนาระบบการเก็บเงินเป็นการซื้อธีมเพิ่มเติมแทน ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเป็นภาระในการหามาใช้งานมากนัก Go Launcher พัฒนามาจาก Go Dev Team ซึ่งเป็นของประเทศจีน และสนับสนุนจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของประเทศจีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลงานของชาวจีนที่จะบอกว่าคนจีนก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครๆ เช่นกัน ในชุดของ Go Launcher นั้นประกอบไปด้วยแอพที่พัฒนามาทั้งหมดดังนี้


• GO Launcherแอพแทนหน้าจอหลักของเครื่อง มีลูกเล่นมากมาย
• GO SMS Proแอพแทนระบบอ่านข้อความ SMS มาพร้อมลูกเล่นการแจ้งเตือน เปลี่ยนธีม และจัดการข้อความ
• GO Contactแอพแทนสมุดรายชื่อของเครื่อง สามารถลาก จัดวาง จัดกลุ่ม เปลี่ยนรูปแบบได้ตามใจเราเอง
• GO Weatherแอพนาฬิกาสุดเก๋ที่เปลี่ยนธีมได้อีกด้วย พร้อมกับแสดงสภาพอากาศแบบสามมิติที่สมจริง
• GO Keyboardแอพรวมแป้นพิมพ์แอนดรอยที่มีแป้นพิมพ์ของทุกภาษาทั่วโลก
• GO Scoreแอพแสดงผลฟุตบอลทั่วโลก เลือกลีค และการแจ้งเตือนได้เองอย่างอิสระ
• GO Friendsแอพแชตกับเพื่อน หาเพื่อนใหม่ และการคุยกันภายใต้พื้นที่ใกล้เคียงกัน
• GO Photoแอพถ่ายรูป และแชร์รูปภาพให้เพื่อนๆ ดูได้ด้วยสองคลิ๊ก
• GO Bookแอพอ่านหนังสืออีบุ๊ค และนิตยสารบนแอนดรอย
• GO Wallpaperแอพโหลดภาพพื้นหลังหน้าจอสวยๆ ที่โหลดมาใช้ได้ฟรี

เราสามารถดาวน์โหลดแอพทั้งหมดนี้มาใช้งานได้ฟรีที่ Android Market บนมือถือ และบนเว็บไซต์ http://market.android.com 

ส่วนรายละเอียดการพัฒนา เวอร์ชั่น และติดต่อกับผู้พัฒนาคนจีนทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ http://www.goforandroid.com แล้วเลือกเป็นภาษาอังกฤษ หรือจีนตามสะดวก

Go Launcher Exมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง?
ในชุดของ Go Launcher Ex นั้นประกอบไปด้วยสิ่งต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาอย่างมากมาย พอสรุปได้คร่าวๆ 2 อย่างคือ การปรับแต่งหน้าจอ ธีม รูปแบบ และการเพิ่ม Widgets เก๋ๆ ที่ใช้งานได้เฉพาะ Go Launcher ได้เท่านั้น เราสามารถดาวน์โหลดส่วนเสริมมาเพิ่มเติม ลบออก และซื้อส่วนของธีมเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา เรามาทำความรู้จักกับทั้งสองส่วนไปพร้อมๆ กันดีกว่าครับ

การปรับแต่งหน้าจอบน Go Launcher Ex
หลังจากที่เราเปิดใช้งาน Go Launcher Ex ขึ้นมาจะพบว่ามันทำอะไรได้มากมายเหลือเกินจนอธิบายเท่าไหร่ก็ไม่หมด จึงอยากสรุปเอาเฉพาะส่วนที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่การใช้งานเพิ่มเติมต่อไปได้ในอนาคต มีดังนี้

การติดตั้งธีมกับ Go Launcher Ex
ใช้งานงานธีมนั้นจะต้องทำการซื้อธีมเป็นแอพแยกต่างหาก มีการชำระเงินแยกออกไปใน Market ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแอพนี้ ข้อดีคือเราไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่ เมื่อมีการลบออกไปก็สามารถกลับมาดาวน์โหลดซ้ำได้ฟรี ธีมนั้นส่วนใหญ่แล้วมีสองราคาคือ $1 และ $2 ตามความสวยงาม แต่ก็มีเยอะมากที่ฟรีซึ่งคุณภาพที่ได้นั้นก็ตามราคาครับ เมื่อเราติดตั้งธีมจากMarket แล้วก็ให้เลือกไอคอน Theme ที่อยู่ในหน้ารวมแอพเพื่อเลือกได้เลย แต่การเปลี่ยนธีมแบบนี้จะเป็นการเปลี่ยนธีมทั้งหน้าจอ ถ้าต้องการเปลี่ยนเฉพาะส่วนให้เลือกเมนูตั้งค่าอีกครั้ง

ตัวอย่างธีมฟรีเก๋ๆ จาก Go Launcher Ex
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

การเปลี่ยนแปลงธีมเฉพาะส่วนตามแบบฉบับของเราเอง
เราสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เองตามที่เราชอบโดยการเข้าไปในหน้าจอหลักของมือถือ จากนั้นเลือกเมนูเพื่อเข้า Preference ในการตั้งค่าของแอพแล้วเลือก Character Settings จะเห็นในส่วนของ Icons ที่เราเข้าไปเปลี่ยนไอคอนได้ตั้งแต่หน้าจอหลัก ไอคอนระบบในเครื่อง ไอคอนเมนูด้านล่าง (Dock) นอกจากนั้นยังเข้าไปเปลี่ยนไอคอนพื้นหลังของหน้าจอรายชื่อแอพ (Drawer) และพื้นหลังภาพล็อคหน้าจอ พร้อมกับภาพพื้นหลังของหน้าจอหลักได้ด้วยในเมนูนี้ เราสามารถเอาไอคอนจากธีมอื่นมาผสมรวมกันแล้วแต่เราชอบว่าอยากได้ส่วนไหนของธีมไหนได้ด้วย


รูปภาพ
จากหน้าหลักเข้าที่ Preferences

รูปภาพ
เข้าที่เมนู Character Settings

รูปภาพ
เลือกเปลี่ยนได้หลายรูปแบบตามต้องการ

รูปภาพ
พอผสมกันจะออกมาเป็นแบบนี้

การปลี่ยนแปลงขนาดของไอคอนของหน้าจอ
เนื่องจากมือถือนั้นมีความละเอียดหน้าจอต่างกัน บางครั้งเอาไปใช้กับแท็ปเล็ตก็จะมีหน้าจอใหญ่ ทำให้ไอคอนใหญ่ตามด้วย เราสามารถปรับแต่งในเมนู Screen ให้มีความละเอียดของไอคอน ความหนาแน่น รวมไปถึงจำนวนไอคอนต่อหน้าได้ด้วย (Grid Size) เมื่อปรับจนได้ขนาดที่ต้องการแล้ว เราก็จะเอา Widget มาใส่ได้ตามขนาดที่เปลี่ยนไปได้ด้วย

การปรับแต่งการเคลื่อนไหวของหน้าจอ
หลายท่านคงเบื่อกับการเลื่อนจอแบบเดิมๆ ซ้าย-ขวา ที่ไม่มีลูกเล่นอะไร แต่ในแอพนี้เพิ่มส่วนของลูกเล่น (Effect) มาให้ด้วย ทำให้เราเปลี่ยนการสลับหน้าจอเป็นแบบหมุน วงกลม พลิกป้าย เด้งเข้าออก ฯลฯ ได้ตามใจทั้งหน้าจอหลัก (Desktop) และหน้าจอไอคอน (App Drawer) เพื่อให้สนุกกับการใช้งานมือถือได้มากที่สุด บางลูกเล่นนั้นใช้พลังงานของเครื่องค่อนข้างสูง ควรทดสอบก่อนการเอาไปใช้งานจริง เพราะอาการกระตุกอาจจะทำให้เราตกใจได้

ปรับเปลี่ยนได้มากกว่าด้วยการเปลี่ยนธีมของ Widget
นอกจากการเปลี่ยนธีมหน้าจอหลักตามปกติแล้ว เรายังสามารถดาวน์โหลดธีมที่เปลี่ยนเฉพาะ Widget ได้ด้วย โดวยการค้นหา "Go Widget Theme" ใน Market ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้เราปรับทุกอย่างของหน้าจอเป็นธีมตามธีมรวมนั้นๆ รวมถึงธีมใสมองทะลุ และไอคนแจ้งเตือนเมื่อมีข้อความเข้าใส (Notification Widget) ส่วนใหญ่แล้วการเปลี่ยนแปลงระดับนี้จะอยู่ในธีมที่เสียเงินราคาตั้งแต่ $2 ขึ้นไป และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ว่าเราควรจะอุดหนุนผู้พัฒนาให้มีรายได้บ้าง

การดาวน์โหลด Widgets เก๋ๆ มาใช้งานกับ Go Launcher Ex
สิ่งที่ Go Launcher แตกต่างจากแอพอื่นๆ ก็คือการดาวน์โหลดส่วนเสริมเพื่อใช้งานตามที่เราต้องการเพิ่มเติมได้ด้วย ซึ่งหลายๆ ท่านก็ต้องการการใช้งานที่ไม่เหมือนกันแตกต่างไปตามการใช้งาน ความถนัด และความชอบที่แตกต่างกัน เราสามารถดาวน์โหลดส่วนเสริมมาได้โดยการเข้าไปยัง Go Store ซึ่งเป็นไอคอนเพิ่มมาในหน้าจอหลัก เมื่อเข้าไปแล้วจะพบว่ามีอะไรให้เราดาวน์โหลดเยอะมาก เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า ก่อนที่จะไปดาวน์โหลดมาใช้งานกันบนมือถือ

รูปภาพ
เข้าไปค้นหา Widget ของ Go Launcher

รูปภาพ
หรือเลือกในไอคอนแอพGo Store

รูปภาพ
เลือกเพื่อทำการติดตั้ง Widget

รูปภาพ
ทำการติดตั้งจาก Market

รูปภาพ
เลือกเอา Widget มาใช้งาน

GO FBWidget
เป็นส่วนเสริมของ Facebook บนหน้าจอหลักของ Go Launcher มีอยู่สองแบบคือแบบแรกเป็นบาร์สำหรับกดเพื่ออัพเดทสถานะได้เลยทันทีในตัวเอง พร้อมกับการอัพรูปภาพได้ด้วย และแบบที่สองเป็นแบบเต็มหน้าจอ (ใช้พื้นที่ 4x4ช่อง) เพื่อแสดงข้อมูลอัพเดทจากเพื่อนทั้งหมด สามารถตั้งเวลาอัพเดท และกดอัพเดทได้เองตามที่เราต้องการ นอกจากนั้นยังกดเพื่อเข้าไปอ่านคอมเมนท์ ดูรูป กดชอบ (Like) จากหน้าจอหลักได้เลย สะดวกมาก

รูปภาพ
หน้าจอเลือกใช้ Widget Facebook

รูปภาพ
แบบบาร์สามารถกดโพสได้ทันที

รูปภาพ
โพสรูปภาพก็ทำได้

รูปภาพ
เปิดอ่านจากหน้า Wall ได้ตามปกติบนหน้าจอหลัก

รูปภาพ
อ่านเฉพาะ Wall ของเราเอง

GO TwiWidget
อีกหนึ่ง Social Network ที่เพิ่มเข้ามา ให้เรากดอ่านข้อความจากทวิตเตอร์ได้สดๆ สามารถเขียนข้อความใหม่ได้ สามารถกดดูเฉพาะที่มีคนพูดถึง (@ Mention) และข้อความส่วนตัวได้จากหน้าจอหลัก มีอยู่สองรูปแบบคือแบบบาร์เขียนข้อความอย่างเดียว และแบบเต็มหน้าจอเพื่อปรับใช้ตามความสะดวกของแต่ละคน

รูปภาพ
ลองเลือก Twitter ลงในหน้าจอดูบ้าง

รูปภาพ
กดทวิตได้ทันทีทุกเวลา

รูปภาพ
อ่านข้อความจากทวิตเตอร์ก็ทำได้ง่ายๆ

รูปภาพ
เลือกอ่านเฉพาะรายการได้ด้วย

GO Clock Widget
เป็นนาฬิกาเก๋ๆ ที่มีทั้งดิจิตอล และแบบเข็ม เราสามารถเลือกลดลายของนาฬิกาได้หลายหลายรูปแบบ แถมยังโหลดมาเพิ่มเติมได้ถ้าธีมนั้นมีนาฬิกาอยู่ในตัวด้วย ส่วนการจัดวางก็แล้วแต่ว่านาฬิกาอันนั้นกินพื้นที่เท่าไหร่ ในชุดมาตรฐานนั้นมีมาให้ถึง 9 แบบ ลองเลือกใช้ดูนะครับ

GO TaskManager Widget
เป็นระบบจัดการแอพที่เปิดทิ้งเอาไว้แล้วไม่ได้ปิด ซึ่งหลายๆ ครั้งที่เรากดปุ่มบ้านเพื่อกลับมาหน้าหลักเลยทันที ทำให้แอพนั้นยังแอบทำงานต่อไปโดยที่เราไมได้ตั้งใจ ตัว GO TaskManager Widget ก็จะจัดการแจกแจงว่ามีอะไรทำงานค้างอยู่ เราสามารถกดเพื่อกลับไปยังที่เดิมที่เปิดเอาไว้ได้ หรือกดเพื่อล้างข้อมูล (ปิดให้ทั้งหมด) ได้เลยด้วยปุ่มเดียว GO TaskManager Widget มีอยู่หลายหน้าตาตามข้อมูลที่ให้ และการจัดวาง ส่วนตัวแล้วชอบแบบไอคอนเดียว กดทีเดียวอยู่ เวลาที่เลื่อนหน้าจอมาเจอเข็มจะกระดิกบอกว่า มันทำงานอยู่ ทำให้รู้สึกเหมือนจริงมากขึ้น

รูปภาพ
เลือกขนาดตามที่เราต้องการ

รูปภาพ
แต่ละแบบจะมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป

รูปภาพ
ปรับย้าย และสั่งเพื่อจัดการหน่วยความจำได้เลยทันที

GO Calendar Widget
เป็นปฏิทินเท่ๆ ที่บอกวันทั้งเดือน เราสามารถกดไปดูว่าแต่ละวันเรามีนัดที่ไหนบ้าง แถมยังเขาข้อมูลวันหยุด ข้อมูลข้างขึ้นข้างแรมมาโชว์ได้อีกด้วย ปฏิทินเมื่อกดเข้าไปจะเข้าสู่รายงานประจำวัน และกดแก้ไขต่างๆ ได้ทันที ไม่ต้องวิ่งกลับไปที่แอพปฏิทินของเครื่องแต่อย่างไร สะดวกมาก มีการจัดเรียงอยู่สามแบบคือ เต็มเดือน เฉพาะงาน และเฉพาะรายวัน

รูปภาพ
ปฏิทินหลากรูปแบบ

รูปภาพ
เลือกเพื่อดูรายละเอียดเฉพาะวันได้

รูปภาพ
แสดงปฏิทินเฉพาะวันแบบกะทัดรัด

รูปภาพ
ทำการแก้ไขเพิ่มเติมได้ทันที

GO Switch Widget
เป็น Widget ที่รวมเอาปุ่มต่างๆ ที่ต้องใช้งานมาให้เลือกใช้ สามารถปรับแต่ง เรียงลำดับ เลือกโชว์ได้ตามสะดวก มีทั้งหมด 12 ปุ่ม อาทิ เปิดอินเตอร์เน็ต เปิด GPS เปิด Wifiปรับความสว่างจอ หมุนจอ แสดงสถานะแบตฯ เรียกข้อมูลการ์ดความจำ เป็นต้น

รูปภาพ
ไอคอนลัดไปยังการตั้งค่าต่างๆ

รูปภาพ
ปรับแก้ไขได้ด้วยตัวเอง

รูปภาพ
เลือกแบบอันเดียว หรือหลายอันก็ได้

GO Note Widget
เป็นสมุดจดบันทึกแปะไว้ที่หน้าจอ มีถึง 3 แบบในตัวเอง คือ พิมพ์ข้อความทิ้งเอาไว้หน้าจอ เขียนข้อความวาดรูปด้วยตัวเอง และงานที่ต้องทำ (To-Do) โดยเราสามารถเลือกเอามาใช้งานได้ทั้งขนาดเล็ก ใหญ่ เปลี่ยนสีได้หมด

รูปภาพ
จดบันทึกลงไปในหน้าจอ

รูปภาพ
เปลี่ยนสีก็ทำได้ด้วย

รูปภาพ
วาดเขียนด้วยปากกาหรือใช้นิ้ววาด

รูปภาพ
เสร็จแล้วก็วางบนหน้าจอหลักทันที

รูปภาพ
จดบันทึกเตือนความจำรายวันก็ทำได้

GO Search Widget
เป็นแถบสำหรับกดเข้าค้นหาใน Google ได้เพียงคลิ๊กแล้วพิมพ์

นี่คือการใช้งานของ Go Widget ที่มีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ณ ช่วงเวลาที่เขียนบทความก็เริ่มมี Go Nook, Go SMS, GO Bookmark Widget มาให้ลองเพิ่มอีกแล้ว แต่อย่างน้อยก็พอเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้หาโหลดมาใช้งานให้ถูกกับหน้าจอตัวเองได้ง่ายมากขึ้นด้วย


และทั้งหมดนี้ก็คือตัวอย่าง และการใช้งาน Go Launcher Ex ที่ช่วยให้เราปรับแต่งหน้าตาของเครื่อง ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตามที่เราต้องการ ทั้งการเพิ่มความสามารถ และความสวยงามในแบบฉบับของตัวเราเอง ถึงแม้ว่า Go Launcher จะไม่ใช่สุดยอดแอพฯ เพื่อใช้เป็นหน้าหลักของแอนดรอย เรายังมีอีกหลายๆ แอพฯ อาทิLauncher Pro, ADW Launcher, 3D launcher, MIUI Launcher, Shell 3D Launcher ซึ่งมีราคาแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เราได้จาก Go Launcher Ex คือการใช้งานที่ฟรี ปรับแต่งรูปแบบได้ง่าย สวยงาม ลูกเล่นเยอะ ถือว่าคุ้มค่ามากที่สุดที่จะเอามาใช้งาน หวังว่าผู้อ่านคงมีความสุขกับการเอา Go Launcher Ex มาใช้งานกันนะครับ